ทำการตลาดออนไลน์ต้องไม่ลืมวัดผล
01 Jun 2020   I Be Proud Digital Marketing

นอกจากกลยุทธ์ต่าง ๆ แล้วสิ่งสำคัญอีกอย่างในการทำการตลาดออนไลน์ก็คือการวัดประประเมินผล จะได้รู้ว่ากลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรา และกลยุทธ์ไหนที่เรายังทำได้ไม่ดีต้องปรับปรุง ลองมาดูกันว่าเครื่องมือและเรื่องที่ต้องวัดผลมีอะไรบ้าง จะได้นำผลลัพธ์มาประเมินว่าเราต้องพัฒนาเรื่องอะไร เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
.

ทำการตลาดออนไลน์โดยใช้หลัก PDAC

ไม่ว่าเราจะทำการตลาดออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ใด ก็ต้องใช้หลัก PDAC เข้ามาช่วยด้วยกันทั้งนั้น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและความสำเร็จ เพราะถ้าเราทำการตลาดออนไลน์โดยขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป เราอาจจะเหนื่อยเปล่ากับสิ่งที่ทำ เพราะจะไม่รู้ว่าการตลาดแบบไหนและกลยุทธ์ใดที่เหมาะสมกับธุรกิจเรา
.

Plan
การวางแผนจะทำการตลาดอย่างไร โดยดูจากวัตถุประสงค์ที่ต้องไว้

Do
ลงมือทำการตลาด ตามแผนที่ได้วางเอาไว้

Act
อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ทำให้ดีต่อไป ส่วนอะไรที่ต้องแก้ไข ก็ให้ลงมือปรับปรุง

Check
ประเมินผลว่าสิ่งที่เราทำสำเร็จ ตามที่ตั้งใจและมีอะไรที่ยังต้องปรับปรุง

.
ทำการตลาดออนไลน์ต้องวัดผลอะไรบ้าง

สถิติของคนที่มองเห็นและมีปฏิสัมพันธ์

เรื่องพื้นฐานที่เราต้องวัดผล เพราะเป็นเรื่องที่สามารถวัดผลได้ง่าย โดยอาศัยรายงานและสถิติต่าง ๆ ลองดูว่าก่อนทำการตลาดและหลังทำการตลาด จำนวนคนที่มองเห็นสิ่งที่เราโพสต์, เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์, การคลิ๊กโฆษณา, การกรองข้อมูลรับผลทางอีเมลนั้น มีจำนวนมากขึ้นน้อยลงเพียงใด

นอกจากนี้ยังควรเก็บสถิติคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเราด้วย เช่น การกดไลค์, การแชร์, การคอมเม้นท์, การตอบกลับทางอีเมล เป็นต้น โดยเราอาจนำสถิติเหล่านี้ มาเปรียบเทียบกันเป็นรายสัปดาห์ แล้วดูว่าการตลาดแบบไหน เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่ากัน ก็อาจจะเน้นทำการตลาดแบบนั้นมากเป็นพิเศษ

.
ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าไหร่และมาจากใคร

ยอดขาย คือสิ่งที่ทุกธุรกิจหวังหลังจากทำธุรกิจออนไลน์ เราจึงต้องวัดผลว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน ถ้ายอดขายเพิ่มขึ้นไม่มาก ให้ดูว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุง ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ใช่วิธีทำการตลาด แต่เป็นเรื่องคุณภาพของสินค้าที่ยังไม่ดีพอก็เป็นไปได้

นอกจากนี้ เราต้องดูด้วยว่ายอดขายมาจากใคร จากลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่าที่กลับมาซื้อซ้ำ และได้ยอดขายจากใครมากกว่ากัน เพื่อจะได้ปรับกลยุทธ์ทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นถ้ายอดขายจากลูกค้าเก่ามากกว่า อาจจะโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ถ้าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าใหม่ อาจจะออกโปรโมชั่นพิเศษเพื่อเอาใจลูกค้าเก่าบ้าง

.
วัดความคุ้มค่าของการลงทุนด้วย ROI

Return of Investment (ROI) คือการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนว่ามีความคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน ถ้าเงินลงทุนที่เสียไปได้ผลไม่คุ้มค่า เราก็ต้องกลับมาพิจารณาว่าจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร หรือจะเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นแทน โดยสูตรการคำนวณ ROI คือ

.

ROI = [รายรับ – ต้นทุน] x 100
ต้นทุน

.

หน่วยของ ROI คือ % ถ้าเราคำนวณค่า ROI ออกมาแล้วได้มากกว่า 100% แสดงว่าการลงทุนนั้นมีความคุ้มค่า เห็นสมควรที่จะลงทุนด้วยวิธีนั้นต่อไป แต่ถ้าคำนวณแล้วได้น้อยกว่า 100% เราก็ควรปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงวิธีลงทุน เพราะถึงแม้จะยังได้กำไรอยู่ก็จริง แต่มันไม่คุ้มค่ากับต้นทุนที่ต้องเสียไป

เครื่องมือที่ใช้วัดผลการตลาดออนไลน์
.
รายงานสถิติจากเว็บไซต์ หรือโปรแกรมที่เราใช้ทำการตลาด

เครื่องมือแรกที่เราใช้ในการวัดผล คือรายงานสถิติต่าง ๆ จากเว็บไซต์หรือโปรแกรมเหล่านั้นโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เช่น ถ้าเราใช้ facebook ทำการตลาดออนไลน์ ก็สามารถใช้ facebook insight ดูรายงานต่าง ๆ ได้ ถ้าใช้โปรแกรม Active Campaign ส่ง E-Mail Marketing หาลูกค้า ก็สามารถดูรายงานและสถิติจากโปรแกรมได้เลย เป็นต้น
.

ปุ่ม Call to Action

เราสามารถสร้างปุ่ม Call to Action ขึ้นเพิ่มดูการตอบสนองจากกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งปุ่ม Call to Action นี้อาจอยู่ในรูปของปุ่มหรือลิ้งก์เพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์คลิ๊ก เช่น สร้างปุ่ม Call to Action ในหน้า Landing Page เพื่อให้ลูกค้าทักแชทมาสอบถามรายละเอียดการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น
.

ผลลัพธ์ที่บอกว่าเราทำการตลาดออนไลน์สำเร็จ

  • ยอดขายเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด
  • จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือเพจ facebook เพิ่มขึ้น
  • เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ของ Search Engine
  • คนพูดถึงแบรนด์ของเรามากขึ้น หรือมี Organic Search มากขึ้น
  • มีลูกค้าใหม่เพิ่ม ส่วนลูกค้าเก่าก็กลับมาซื้อซ้ำ

TAGS: #kpi #onlinemarketinganalysis  #onlinemarketing  #การตลาดออนไลน์