SEARCH ENGINE MARKETING
27 May 2020   I Be Proud Digital Marketing

การทำให้เว็บไซต์ของเราแสดงอยู่ในอันดับต้น ๆ ใน Google Search Engine เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจให้ความสำคัญ เพราะถ้าลูกค้าค้นหาแล้วเจอเว็บของเราทันที ก็จะมีโอกาสสูงที่คลิ๊กเข้ามาในเว็บของเราเพื่อเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
.

Search Engine Marketing คืออะไร

การทำให้สินค้าของเราติดอันดับการค้นหาในลำดับแรก ๆ ซึ่งจะทำให้เราถูกค้นพบได้ง่ายและถูกคลิกได้บ่อยกว่าเว็บไซต์ที่อยู่ด้านล่างหรืออยู่ในหน้าถัดไป ระบบ Search Engine จะประมวลผลแสดงรายการของเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น ๆ มากที่สุด

ถ้าเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับที่สูงมากขึ้นเท่าไหร่ ผู้ค้นหาก็จะเข้าถึงธุรกิจเราได้มากขึ้นเท่านั้น เป็นกลยุทธ์ในการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการผ่านระบบอินเตอร์เน็ต Search Engine
.

Search Engine Marketing ประเภทต่างๆ

Search Engine Optimization (SEO)

เป็นวิธีการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ บน Search Result Page เมื่อกรอก Keyword ที่ต้องการผ่าน Search Engine

ในปัจจุบันคนไทยค้นหาข้อมูลผ่าน Google Search Engine เป็นจำนวนมาก หลาย ๆ ธุรกิจจึงเน้นการทำ SEO บน Google เป็นหลัก ดังนั้นการทำ SEO ตามหลักของ Google จะเน้นการทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ให้ข้อมูลที่ตรงกับ Keyword ที่ใช้ค้นหา

ซึ่งการแสดงผลจะแสดงหน้าละ 10 อันดับ หน้าแรก (อันดับ 1-10) และ หน้าที่สอง ( อันดับ 11-20) ซึ่งการทำ SEO ที่ดีและได้ผลนั้นเว็บที่ทำ SEO ควรที่จะอยู่หน้าแรก ซึ่งจะได้รับการเข้าเยี่ยมชมมากที่สุด ยิ่งอันดับสูงเท่าไรอัตราการคลิ๊กเข้าสู่เว็บก็สูงขึ้นเท่านั้น

Pay Per Click (PPC)

เป็นการลงโฆษณาบน Search Result Page หรือหน้าแสดงผลการค้นหาของ Search Engine อาทิ Google, Yahoo!, Bing เป็นต้น โดยคิดค่าใช้จ่ายจากการคลิ๊กตัวข้อความโฆษณา แม้ว่าโฆษณาจะแสดงขึ้นมา แต่หากไม่มีการคลิกเกิดขึ้น ก็จะไม่เสียเงินในการลงโฆษณาแต่อย่างใด

ซึ่งการทำ Search Engine Marketing แบบ Pay Per Click เราต้องประมูล Keyword เพื่อที่จะให้โฆษณาของเราไปปรากฏอยู่ เมื่อมีการค้นหาใน Search Engine ตำแหน่งของโฆษณานั้นจะถูกกำหนดโดยค่าประมูลที่เรียกว่าค่า CPC (Cost Per Click) ซึ่งก็คือราคาที่เรากำหนดไว้ว่าหากมีคนคลิกเข้าไปดูเว็บไซต์ของเราผ่านทางตัวโฆษณา เราจะต้องจ่ายเงินให้กับ Search Engine ครั้งละสูงสุดไม่เกินเท่าไหร่ ค่า CPC ของแต่ละ Keyword นั้นมีราคาไม่เท่ากัน ยิ่ง Keyword มีคนใช้ค้นหามาก มีคู่แข่งมาก ค่า CPC ก็จะสูงตามไปด้วย

ข้อดีและจุดด้อยของการทำ SEO

ข้อดีของ SEO

  • ไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำ SEO หากเราสามารถปรับโครงสร้างและเนื้อหาภายในเว็บของเราเองได้
  • สามารถทำได้หลาย Keyword ในเว็บไซต์เดียว ทั้ง Keyword หลัก และ Keyword ย่อย
  • ได้ผลลัพธ์ในระยะยาว ถึงแม้ว่าเราจะทำคอนเท้นท์น้อยลง แต่ผลลัพธ์จะยังอยู่อยู่ยั่งยืนไปจนกว่าจะมีคู่แข่งทำแซงเราขึ้นไป

จุดด้อยของ SEO

  • หากเราไม่มีทักษะในการปรับโครงสร้างและเนื้อหาภายในเว็บ เราจะต้องใช้บริการผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่ขึ้นอยู่กับการแข่งขันของ Keyword นั้น ๆ หาก Keyword นั้นมีการแข่งขันสูง ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยนั้นเอง
  • ใช้ระยะเวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ เพราะกว่าจะทำ Keyword ให้ติดอันดับหน้าแรก Google นั้นต้องใช้ระยะเวลา 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อยในการทำคอนเท้นท์และปรับโครงสร้างเว็บทั้งหมด
  • ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอันดับต้น ๆ ไว้ใน Google Search Engine ต่อไป
    .

ข้อดีและจุดด้อยของการทำ PPC

ข้อดีของ PPC

  • เว็บขึ้นหน้าแรก Google ได้เลยทันที ไม่ต้องใช้เวลานานในการรอผลลัพธ์
  • กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและควบคุมงบประมาณได้
  • สามารถดูรายงานผลการโฆษณาได้ สะดวกต่อการวัดผล/ประเมินผลการโฆษณา
  • ปรับเปลี่ยน Keyword ได้ ซึ่ง Keyword นั้นจะมีหรือไม่มีในเว็บไซต์ก็ได้
  • เพียงแค่มีเว็บไซต์ ก็สามารถลงโฆษณาได้เลย

จุดด้อยของ PPC

  • มีค่าใช้จ่ายในการลงโฆษณา ที่ราคาจะขึ้นอยู่กับการประมูล Keyword Click แข่งขันกับคู่แข่ง
  • หลาย ๆ ครั้งคนที่คลิ๊กเข้ามาก็ไม่แน่นอนว่าจะเป็นลูกค้าของเรา แต่เราจะเสียเงินค่าคลิ๊กนั้นไปแน่นอน
  • มีเครื่องมือมากมายที่ต้องใช้ประกอบการลงโฆษณา เช่น Google Tag Manager / Conversion ซึ่งถ้าเราทำไม่เป็น ก็จะต้องใช้บริการผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วย
    .

สรุปแล้ว SEO หรือ PPC เลือกทำอะไรดีกว่ากัน

ถ้าต้องการสร้างโอกาสทางการขายหรือกระตุ้นยอดขายสินค้าแบบรวดเร็ว PPC สามารถตอบโจทย์เราได้ครับ แต่ถ้าไม่รีบและอยากจะเติบโตไปอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ SEO คือสิ่งที่เราต้องทำ

ความเห็นส่วนตัวมองว่าก่อนที่เราจะเริ่มทำ PPC นั้น เราจะต้องมีทีมงานที่พร้อมทำ SEO ก่อน เพราะในช่วงเวลาที่เราทำ SEO นั้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการออกแบบโครงสร้างและเนื้อหาภายในเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ Keyword ที่เราวางแผนไว้ ซึ่งจะต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ ซึ่งในระหว่างนั้นเพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ เราจึงต้องลงโฆษณา PPC ควบคู่ลงไปด้วยไปจนกว่าเว็บไซต์ของเราจะขึ้นไปอยู่ในอันดับ Google Search Engine ที่เราพอใจแล้วค่อย ๆ ลงการลงโฆษณา PPC ลง แล้วปล่อยให้ SEO ของเว็บเราทำงานของมันไป แต่อย่างไรก็ดี เราจะต้องอัพเดตข้อมูลและติดตามระบบฟังก์ชั่นใหม่ ๆ ของ Google Search Engine อยู่ตลอดเวลาควบคู่ไปด้วย

TAGS: #searchenginemarketing  #onlinemarketing  #การตลาดออนไลน์